วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

- สูตรน้ำผักและผลไม้ / สตรอเบอรี่


สตรอเบอรี่ : Strawberry
สตรอเบอรี่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Fragaria spp. เป็นสกุลไม้ดอกในวงศ์กุหลาบ ผลสามารถรับประทานได้ ในอดีตปลูกเป็นพืชคลุมดิน มีมากกว่า 20 สปีชีส์ และมีลูกผสมมากมาย แต่สตรอเบอรี่ที่นิยมปลูกมากในปัจจุบันก็คือสตรอเบอรี่สวน (Fragaria × ananassa) ผลของสตรอเบอรี่มีรสชาติหลากหลายขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ มีตั้งแต่รสหวานจนถึงเปรี้ยว สตรอเบอรี่เป็นผลไม้ทางการค้าที่สำคัญ มีปลูกกันเป็นวงกว้างหลายสภาพอากาศทั่วโลก

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณ
สตรอเบอรี่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ตลอดจนมีสารต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยขับปัสสาวะ มีเส้นใยมาก ช่วยขับสารพิษ มีกรดโฟลิก (Folic Acid) และที่สำคัญอย่างยิ่งคือมีกรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ซึ่งช่วยปกป้องและขจัดสารคาสิโนเจน (Carcinogen) อันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง

(จำนวน 2 แก้ว)

สตรอเบอรี่  200 กรัม
น้ำเชื่อม  2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว  2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น  1/4 ช้อนชา
น้ำต้มสุกแช่เย็น  1 ถ้วย

ล้างสตรอเบอรี่ เด็ดขั้วออก คั้นด้วยเครื่องแยกกากแยกน้ำ ผสมน้ำสตรอเบอรี่ที่ได้กับน้ำต้มสุกแช่เย็น น้ำเชื่อม น้ำมะนาว และเกลือในชามแก้ว คนให้เข้ากัน รินใส่แก้วแล้วดื่ม


(จำนวน 2 แก้ว)

สตรอเบอรี่หั่นชิ้น  150 กรัม
น้ำเชื่อม  2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว  2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น  1/4 ช้อนชา
น้ำต้มสุกแช่เย็น  1/2 ถ้วย
น้ำแข็งบดละเอียด 2 ถ้วย


ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนละเีอียด รินใส่แก้วแล้วดื่ม





วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

- สูตรน้ำผักและผลไม้ / ส้มเขียวหวาน

 
ส้มเขียวหวาน : Tangerine
ส้มเขีัยวหวานมีชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus reticulata Blanco เป็นส้มชนิดหนึ่งที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากส้มจีน ลักษณะทั่วไปของส้มเขียวหวานมีรูปกลมมน แป้นเล็กน้อย ฐานผลกลมมน ด้านล่างเป็นแอ่งตื้น ๆ ผิวผลเรียบ มีเปลือกบาง เนื้อส้มภายในเป็นสีส้มอมทอง ฉ่ำน้ำ กลีบแยกออกจากกันได้โดยง่าย มีรสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อแกะออกมาแล้วกลิ่นจะติดจมูก ทำให้เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณ
ส้มเขียวหวานมีวิตามินเอมากถึง 4,000 I.U. นอกจากนั้นยังมีวิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ช่วยแก้กระหาย ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน รักษาเหงือก ป้องกันไข้หวัด ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือด ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารภายในร่างกายเป็นปกติ แก้อาการท้องผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้


(จำนวน 2 แก้ว)

น้ำส้มเขียวหวานคั้น  2  ถ้วย
น้ำเชื่อม  1/4  ถ้วย
น้ำมะนาว  1/4  ถ้วย
เกลือป่น  1/4  ช้อนชา

ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันรินใส่แก้วแล้วดื่ม หรือแช่เย็นก่อนก็ได้

(จำนวน 2 แก้ว)

น้ำส้มเขียวหวานแช่แข็ง  1/ 2  ถ้วย
เนื้อแคนตาลูปหั่นชิ้นเล็กแช่แข็ง  1  ถ้วย
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ  1  ถ้วย
น้ำนมถั่วเหลือง  1/2  ถ้วย 

ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด รินใส่แก้วแล้วดื่ม



วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

- สูตรน้ำผักและผลไม้ / ส้มโอ

ส้มโอ : Pomelo
ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus maxima  (Burm.) Merr.  ส้มโอเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางในตระกูลเดียวกับส้ม ใบเป็นแผ่นหนาสีเขียวเข้ม โคนก้านใบมีหูใบแผ่ออกเป็นรูปหัวใจ ดอกเดี่ยว สีขาว กลีบดอกมี 4 กลีบ ผิวของเปลือกผลมีต่อมน้ำมันกระจายทั่วไป ผลส้มโอมีเปลือกหนาทำให้สามารถเก็บรักษาได้นาน มีรสหวาน 

ในพิธีไหว้พระจันทร์ของชาวจีน ส้มโอถือเป็นเครื่องสังเวยที่สำคัญ เนื่องจากมีความเชื่อว่าหลังจากไหว้ ถ้าผ่าส้มโอออกแล้วกลางลูกแห้ง ไม่มีน้ำจะเป็นเครื่องหมายของโชคดี สตรีที่ยังไม่แต่งงานจะนำส่วนของส้มโอมาทาหน้า เชื่อว่าทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง และถ้ากินส้มโอในคืนนั้นจะทำให้ตาเป็นประกายสวยงาม

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณ
เนื้อของส้มโอมีวิตามินซี 53 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม มีสารเพคติน กรดอินทรีย์ และเกลือแร่ชนิดต่างๆ  

ใบส้มโอ: แก้ปวดข้อ ท้องอืดแน่น แก้ปวดหัว ดอก แก้ปวดกระเพาะอาหาร แก้ปวดกระบังลม ขับเสมหะ และขับลม 

ผลส้มโอ: แก้เมาสุรา ขับลมในกระเพาะอาหาร ช่วยเจริญอาหาร 

เปลือกส้มโอ: ช่วยขับเสมหะ ขับลม แน่นหน้าอก แก้ไอ ปวดท้องน้อย ไส้เลื่อน หรือต้มน้ำอาบแก้คัน ตำพอกฝี 

เมล็ดส้มโอ: แก้ไส้เลื่อน แก้ปวดท้อง 

รากส้มโอ: แก้หวัด แก้ไอ แก้ปวดกระเพาะอาหาร และไส้เลื่อน 

(จำนวน 1 แก้ว)

เนื้อส้มโอ  2 ถ้วย
น้ำมะนาว  1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม  2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น  1/8 ช้อนชา
น้ำต้มสุกเย็น  1 ถ้วย

ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด รินใส่แก้วแล้วดื่ม หรือจะแช่เย็นก่อนก็ได้



(จำนวน 2 แก้ว) ggo

เนื้อส้มโอ  200 กรัม
น้ำตาลทรายแดง  3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว  2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น  1/8 ช้อนชา
น้ำต้มแข็งบดละเอียด  2 ถ้วย

ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด รินใส่แก้วแล้วดื่ม



วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

- สูตรน้ำผักและผลไม้ / สับปะรด

สับปะรด : Pineapple
สับปะรดมีชื่อทางวิทยาศาตร์ว่า Ananas comosus เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณทวีปอเมริกาใต้ ลำต้นมีขนาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกสามารถปลูกได้ง่ายโดยการฝังกลบหน่อหรือส่วนยอดของผลที่เรียกว่า "จุก" เปลือกของผลสับปะรดภายนอกมีลักษณะคล้ายตาล้อมรอบผล สับปะรดมีรสเปรี้ยวอมหวาน ผลอ่อนมีสีเขียว พอแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด เนื้อสีเหลือง ควรเลือกสับปะรดที่แก่เต็มที่ เปลือกสีเหลือง ไม่ช้ำเน่าเสีย ล้างทั้งเปลือก ตัดหัวตัดท้ายออก ปอกเปลือก ควั่นตา ฝานแกนกลางออก หั่นเนื้อเป็นชิ้น

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณ
สับปะรดมีน้ำตาลฟรุกโตสในปริมาณสูง ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที มีวิตามินซีและกรดผลไม้ นอกจากนั้นยังมีเกลือแร่ชนิดต่างๆ เช่น แคลเซียม ตลอดจนมีเอนไซม์โบรมีเลนช่วยย่อยอาหาร ลดอาการแน่นท้อง ช่วยให้ชุ่มคอ แก้กระหาย และช่วยระงับอาการเจ็บคอได้ การรับประทานสับปะรดเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ

(จำนวน 1 แก้ว)
สับปะรดหั่นชิ้น  80 กรัม
ส้มเขียวหวานคั้นน้ำ  2 ผล
ขิงสดโขลกละเอียด  1 ช้อนชา
ใบสะระแหน่  5-6 ใบ
น้ำแข็งชนิดก้อน

ปั่นผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน รินใส่แก้วน้ำแข็ง ตกแต่งด้วยสับปะรดหั่นชิ้น ดื่ม 

(จำนวน 1 แก้ว)

น้ำสับปะรดคั้น  1 ถ้วย
น้ำมะเขือเทศ  1/4 ถ้วย
น้ำเซลเลอรี่  1/4 ถ้วย 

ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน รินใส่แก้วน้ำแข็ง แช่เย็นแล้วดื่ม หรือนำมาปั่นกับน้ำแข็งก็ำได้







- สูตรน้ำผักและผลไม้ / สาลี่

สาลี่เป็นผลไม้เมืองหนาว แต่ละพันธุ์จะมีรูปทรงแตกต่างกัน บางพันธุ์ทรงระฆัง บางพันธุ์ทรงแอปเปิ้ล เปลือกบาง มีทั้งสีเขียว สีเหลือง และสีเขียวอมเหลือง มีเนื้อสีครีมใสหรือขาวใส เนื้อกรอบ มีรสหวานเย็น ฉ่ำน้ำ ควรเลือกสาลี่ที่ผิวเปลือกไม่มีรอยช้ำ ผิวสดเต่งตึง มีขั้วเขียว ล้างทั้งเปลือกแล้วผ่าตามยาวครึ่งผล ฝานเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นเล็ก

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณ
เนื้อของสาลี่มีน้ำตาลฟรุกโตสสูง ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เร็ว สาลี่ประกอบด้วย เบตาแคโรทีน  วิตามินซี  วิตามินเค  แคลเซียม  ฟอสฟอรัส  เหล็ก  และเส้นใยที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวาน  กระตุ้นภูมิคุ้มกันแก้อาการท้องผูก  ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่  และต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและความชรา ช่วยลดความร้อนในร่างกาย บำรุงปอด ละลายเสมหะ ลดอาการไอ ย่อยอาหารและทำให้ร่างกายขับถ่ายดี



สูตรน้ำสาลี่
(จำนวน 1 แก้ว)


สาลี่ (ผลละ 200 กรัม)  2 ผล
น้ำมะนาว  1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง  2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
น้ำแข็งชนิดก้อน
ยอดสะระแหน่ (สำหรับตกแต่ง)

ล้างสาลี่ทั้งเปลือก ผ่าครึ่งผล ฝานเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นจะได้ 420 กรัม ใส่ชิ้นสาลี่ลงในเครื่องแยกกากแยกน้ำ นำน้ำสาลี่ที่ได้ 1 ถ้วย ผสมรวมกับส่วนผสมทั้งหมดในชามแก้ว รินใส่แก้วน้ำแข็งที่เคลือบปากแก้วด้วยเกลือป่น ตกแต่ด้วยยอดสะระแหน่ ดื่ม

 
 
น้ำสาลี่ปั่น
(จำนวน 1 แก้ว)

สาลี่ (ผลละ 200 กรัม)  2 ผล
น้ำมะนาว  2 ช้อนโต๊ะ
สับปะรดศรีราชาหั่นชิ้นเล็ก  1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายแดง  2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
น้ำต้มสุกแช่เย็น  1/2 ถ้วย
น้ำแข็งชนิดบดละเอียด 1 1/2 ถ้วย
ยอดสะระแหน่ (สำหรับตกแต่ง)

ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด รินใส่แก้ว ตกแต่งด้วยยอดสะระแหน่ ดื่ม 






วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

- สูตรน้ำผักและผลไม้ / เสาวรส



สาวรส : Passion Fruit
เสาวรสหรือกะทกรกฝรั่ง เป็นพืชไม้เลื้อย ผลลูกกลมรีแบบไข่ เปลือกเรียบ เมื่อผลสุกจะมีเปลือกสีเหลือง สีม่วง หรือสีแดงปนกับสีทอง เนื้อมีสีเหลืองอมเขียว มีน้ำมาก รสเปรี้ยวจัด เลือกเสาวรสที่เริ่มสุก เปลือกมีสีเหลือง หรือสีม่วง เปลือกไม่เหี่ยว ล้างให้สะอาด ผ่าออกแล้วใช้ช้อนตัก

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณ
เสาวรส ประกอบด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ สาร Albumin homologous protein จากเมล็ด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลดอาการเจ็บคอ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค กำจัดสารพิษในเลือด บำรุงผิวพรรณ และช่วยฟื้นฟูตับและไตที่อ่อนแอ

(จำนวน 1 แก้ว)

เสาวรสสุก 2-3 ผล
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย
น้ำต้มสุกแช่เย็น 1 ถ้วย

ล้างเสาวรส ผ่าครึ่งผลตามขวาง ตักเมล็ด เนื้อ และน้ำให้หมด ปั่นกับน้ำต้มสุก กรองด้วยกระชอนกับผ้าขาวบางแยกเมล็ดออก ใส่ลงในชามแก้ว เติมน้ำเชื่อม เกลือป่น คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ รินใส่แก้ว แช่เย็น หรือดื่มเลยก็ได้

(จำนวน 2 แก้ว)

เสาวรสสุก 2-3 ผล
แครอท (200 กรัม) 1 หัว
น้ำต้มสุกแช่เย็น 1 ถ้วย

ล้างเสาวรส ผ่าครึ่งผลตามขวาง ตักเมล็ด เนื้อ และน้ำให้หมด ปั่นกับน้ำต้มสุก กรองด้วยกระชอนกับผ้าขาวบางแยกเมล็ดออก

ล้างแครอท ปอกเปลือกออกบางๆ หั่นเป็นท่อนยาว ใส่ลงในเครื่องแยกกากแยกน้ำ รินน้ำแครอทใส่แก้ว ผสมน้ำเสาวรส 1 ถ้วยกับน้ำแครอทเข้าด้วยกันในชามแก้ว ดื่มหรือแช่เย็นก่อนก็ได้  




- สูตรน้ำผักและผลไม้ / องุ่น


องุ่น : Grape
องุ่น มีหลายพันธุ์ องุ่นพันธุ์สีเขียว องุ่นพันธุ์สีม่วง องุ่นพันธุ์ไร้เมล็ด มีรสหวาน หรือหวานอมเปรี้ยว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vitis vinifera ถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียไมเนอร์ ระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นิยมกินสด ให้เลือกซื้อองุ่นสดที่ขั้วติดแน่น ไม่ช้ำ ต้องล้างน้ำนานๆหรือแช่น้ำเกลืออ่อนไว้สัก 30 นาที ล้างให้หมดคราบสีขาว

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณ
เนื้อองุ่นมีวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 เกลือแร่ชนิดต่างๆ เหล็ก แคลเซียม ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นได้เร็ว ส่วนหนึ่งเพราะน้ำตาลในองุ่นเป็นน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย จึงช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยล้างและสร้างเม็ดเลือด กระตุ้นให้ตับทำหน้าที่ฟอกเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นยาระบายอ่อนๆ และมีผลดีต่อผู้เป็นโรคหัวใจ

องุ่นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า Polyphenols ซึ่งส่วนใหญ่เราจะสามารถบริโภคได้ในรูปของน้ำองุ่นหรือไวน์แดง สาร Polyphenols นี้มีส่วนช่วยให้คนเรามีอายุสมองที่ยาวนานขึ้นและแข็งแรง ทำให้สามารถทำงานและจดจำสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดีถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม องุ่นนั้นไม่เพียงจะได้จากการรับประทานองุ่นสด องุ่นแห้ง หรือน้ำองุ่นคั้นสด 100% แล้ว ผลและน้ำองุ่นสดยังสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าและเส้นผมได้อีกด้วย 


(จำนวน 2 แก้ว)

องุ่นม่วง 750 กรัม
น้ำแข็งชนิดก้อน 

ผ่าตามยาว แคะเมล็ดออก ใส่เนื้อองุ่นลงในเครื่องแยกกากแยกน้ำ คั้นจนได้น้ำองุ่นสีม่วง รินใส่แก้วน้ำแข็ง หรือนำไปแช่เย็นก่อนดื่ม


สูตรน้ำองุ่นผสมกีวีปั่น 
(จำนวน 2 แก้ว)

องุ่นเขียว 500 กรัม
เนื้อกีวีหั่นชิ้นเล็ก (80 กรัม) 1 ผล
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย
น้ำแข็งบดละเอียด 1/2 ถ้วย

ลอกเปลือกองุ่นออก ผ่าตามยาว แคะเมล็ดออก ใส่เนื้อองุ่น เนื้อกีวี โยเกิร์ต น้ำแข็ง ลงในโถปั่น ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด รินใส่แก้วแล้วดื่ม






วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

- สูตรน้ำผักและผลไม้ / แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ล : Apple 
แอปเปิ้ล ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" (King of the fruit) มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Malus domestica Bokh. จัดเป็นไม้ผลเขตหนาว มีทั้งสีเขียว สีแดง สีเหลือง สีชมพู ฯลฯ ที่เห็นกันมากในท้องตลาดคือ เปลือกสีแดงเข้ม และเปลือกเป็นลาย สีอมส้ม สีเขียว แอปเปิ้ลมีสีสันน่ากิน เนื้อกรอบ รสหวาน มีกลิ่นหอม ควรเลือกแอปเปิ้ลที่สด ผิวไม่เหี่ยวช้ำหรือมีตำหนิเน่าเสีย และต้องไม่เคลือบแวกซ์ ก่อนทำต้องล้างทั้งเปลือกด้วยน้ำสบู่้อ่อนๆ หั่นเป็นเสี้ยวตามยาวของผล คว้านเมล็ดออก

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณ
แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยเกลือแร่และวิตามินต่างๆ ทั้งวิตามิน เอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส  และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ

แอปเปิ้ลยังช่วยควบคุมน้ำหนักเพราะมีแป้งและน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลา ไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทั้งทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิดและอ่อนเพลียระหว่างรอเวลาอาหารมื้อใหญ่ แต่แอปเปิ้ลผลสดๆเท่านั้นที่มีสรรพคุณนี้

กินแอปเปิ้ลวันละ 2-3 ผลช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือด แต่จะได้ผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แอปเปิ้ลลดคลอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด เมื่อเรากินอาหารเข้าไปอาหารแต่ละชนิดจะย่อยสลายและดูดซึมผ่านผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหารนั้น เช่น ถ้ากินน้ำผึ้ง น้ำตาลในเลือดจะขึ้นทันที แต่สำหรับแอปเปิ้ลถึงจะมีน้ำตาลธรรมชาติในเนื้อแอปเปิ้ลมากแต่ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆเท่านั้น สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก

มาทำความรู้จักกับประโยชน์ของแอปเปิ้ล โดยแบ่งตามสีดังนี้
1. แอปเปิ้ลสีเหลือง มีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก
2. แอปเปิ้ลสีแดง มีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย
3. แอปเปิ้ลสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะนอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดีอีกด้วย 
4. แอปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอปเปิ้ล สารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย

(จำนวน 1 แก้ว)

- แอปเปิ้ลหั่นชิ้นใหญ่ทั้งเปลือก 4 ผล
- พาร์สเลย์ 1 ถ้วย
- ใบอ่อนผักโขม 1 ถ้วย
- น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย

คั้นแอปเปิ้ล ผักโขม และพาร์สเลย์ด้วยเครื่องแยกกากแยกน้ำ ใส่น้ำที่คั้นทั้งหมดลงในโถปั่น ใส่น้ำแข็ง ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด หากต้องการให้มีรสหวานก็เติมน้ำเชื่อมตามชอบ รินใส่แก้ว นำไปแช่ในตู้เย็นจนเย็นจัด แล้วดื่ม 


สูตรเชกแอปเปิ้ล
(จำนวน 1 แก้ว)

- แอปเปิ้ลหั่นชิ้นเล็กทั้งเปลือก (ผลละ 200 กรัม) 2 ผล
- เนื้อมะละกอหั่นชิ้นเล็ก 1/4 ถ้วย
- กล้วยหอมหั่นชิ้น (ผลละ 120 กรัม) 1/2 ผล
- น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
- นมสดชนิดจืด 1/2 ถ้วย

ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด รินใส่แก้ว แล้วดื่ม



วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

- ผักและผลไม้ตามฤดูกาล

เราควรเลือกซื้อผักและผลไม้ตามฤดูกาลซึ่งจะได้ของสด มีคุณภาพ และรสชาติดี อีกทั้งราคาไม่แพง หาซื้อง่าย มีขายทั้งในตลาดสดและซุปเปอร์มาเก็ตอีกด้วย



มกราคม 
กะหล่ำดอก คะน้า บวบ ผักกวางตุ้ง ถั่งแขก มะระ ขึ้นฉ่าย สะเดา ดอกหอม ถั่วลันเตา
กุมภาพันธ์
กะหล่ำดอก คะน้า ถั่วแขก มะระ มะนาว หัวไชเท้า แตงกวา ขึ้นฉ่าย สะเดา ดอกหอม ถั่วลันเตา บวบ ผักกวางตุ้ง
มีนาคม
ใบมะขามอ่อน ฟัก มะเขือยาว เห็ดฟาง
เมษายน
ใบมะขามอ่อน ฟัก มะเขือยาว เห็ดฟาง มันฝรั่ง ต้นหอม บวบ แตงกวา
พฤษภาคม
ชะอม ถั่วพู มะนาว สะตอ หน่อไม้ มะเขือเปราะ มะเขือเสวย มะเขือเจ้าพระยา
มิถุนายน
ชะพลู ดอกกุยช่าย ผักหวาน ผักบุ้ง มะรุม เห็ดเผาะ
กรกฎาคม
ข้าวโพด ดอกขจร ผักปลัง ผักแว่น มะขามอ่อน มะดัน
สิงหาคม
ดอกโสน น้ำเต้า ใบขี้เหล็ก ขิงอ่อน ใบบัวบก ส้มซ่า
กันยายน
ยอดขี้เหล็ก สมอไทย ส้มซ่า สายบัว ผักเพกา มะขามอ่อน มะดัน มะรุม
ตุลาคม
ใบขี้เหล็ก พริกหยวก ผักแว่น ขิงสด แห้ว เห็ดโคน ส้มซ่า สะเดา
พฤศจิกายน
ขนุนอ่อน ขมิ้นขาว แห้ว กระเจี๊ยบ กระชาย สะเดา สายบัว
ธันวาคม
ตังโอ๋ ผักชี มะกอกสุก กระเจี๊ยบ ขิงแก่ ดอกแค ดอกหอม

ผักที่มีตลอดทั้งปี ได้แก่ ขึ้นฉ่าย ต้นหอม ผักชี แตงกวา ถั่วแขก บวบ กะเพรา โหระพา ผักกาดหอม คะน้า พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า หัวไชเท้า มะเขือต่างๆ

---------------------------------------------------------


มกราคม 
กล้วยหอม ชมพู่ม่าเหมี่ยว แตงไทย พุทรา ลูกตาลสด ละมุด ส้มเขียวหวาน องุ่น แตงโม
กุมภาพันธ์
มะขาวป้อม มะขามเทศ มะตูม มะปราง กล้วยหอม ชมพู่ม่าเหมี่ยว แตงไทย พุทรา ลูกตาลสด ละมุด ส้มเขียวหวาน องุ่น แตงโม
มีนาคม
เงาะ ขนุน มะปราง มังคุด ลูกตาลสด มะม่วง
เมษายน
ทุเรียน พุทรา มะม่วงสุด มังคุด ระกำ ลิ้นจี่ ลูกหว้า กระท้อน 
พฤษภาคม
ละมุด สับปะรด ลางสาด ลำไย ทุเรียน พุทรา มะม่วงสุด มังคุด ระกำ ลิ้นจี่ ลูกหว้า กระท้อน
มิถุนายน
มังคุด ละมุด สละ ลำไย กระท้อน 
กรกฎาคม
มะกอก มะยม ลางสาด กล้วยไข่ น้อยหน่า ส้มโอ
สิงหาคม
มะเฟือง มะกอกฝรั่ง มะกอกน้ำ ระกำ ส้มโอ ลางสาด น้อยหน่า
กันยายน
ลูกตาลสุก ส้มเกลี้ยง องุ่น มะเฟือง มะกอกฝรั่ง มะกอกน้ำ ระกำ ส้มโอ ลางสาด น้อยหน่า
ตุลาคม
ลองกอง ขนุน มะขามป้อม มันแกว
พฤศจิกายน
ลองกอง ขนุน มะขามป้อม มันแกว
ธันวาคม
พุทราพื้นเมือง มะขามป้อม องุ่น มันแกว ละมุด

ผลไม้ที่มีตลอดทั้งปี ได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม มะพร้าว องุ่น ส้มโอ มะละกอ ส้มเขียวหวาน ฝรั่ง

- เครื่องมือในการทำน้ำผักผลไม้

น้ำผักและผลไม้ที่ดีมีคุณประโยชน์สูงสุดต้องดื่มหลังการคั้นหรือปั่นสดๆแล้วไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะในน้ำผักผลไม้มีเอนไซม์ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับอากาศ ยิ่งทิ้งไว้นานเอนไซม์ก็จะลดน้อยลง คุณค่าอาหารก็จะสลายไปกับอากาศตามเวลาที่ทิ้งไว้นั่นเอง การทำน้ำผักและผลไม้มีหลายวิธี มีทั้งการตำด้วยครก การคั้น การต้ม และการปั่น


ปัจจุบันการทำน้ำคั้นต่างๆสะดวกมากขึ้น เพราะมีเครื่องคั้นสำเร็จรูปต่างๆออกมาจำหน่ายกันมากมายหลากหลายยี่ห้อ เรียกได้ว่าการทำเครื่องดื่มสมัยนี้สามารถทำได้รวดเร็ว ประหยัดเวลา แถมยังประหยัดแรงงานอีกด้วย

เครื่องคั้นน้ำผักและผลไม้
สามารถบีบคั้นเอาน้ำออกจากกากได้หมด เรียกว่า เครื่องคั้นแบบแยกกาก แยกน้ำ (Juicer) เพียงแต่ล้างผักและผลไม้ แล้วหั่นเป็นชิ้นพอประมาณ ใส่ลงไปในช่องคั้น เปิดสวิตช์ไฟฟ้า แล้วใช้ด้ามกดชิ้นผักผลไม้ให้แนบกับคมมีดในเครื่อง เครื่องจะรีดเราน้ำในผักผลไม้ออกมา ส่วนกากที่เหลือจะถูกแยกออกไปอีกทางหนึ่ง เราก็สามารถรินน้ำผักและผลไม้ใส่แก้วดื่มได้เลย

เครื่องปั่น
เป็นเีครื่องที่ปั่นนเอาทั้งเนื้อและน้ำเข้าด้วยกัน เครื่องปั่นเหมาะอย่างยิ่งกับผักและผลไม้ เช่น แคนตาลูป กล้วยหอม มะม่วง มะละกอ อะโวคาโด เป็นต้น

วิธีการต้ม 
เพื่อให้ได้กลิ่น รส ของผักและผลไม้ วิธีต้มจะใช้กับผักและผลไม้บางชนิด เช่น กระเจี๊ยบ ระกำ ลิ้นจี่ ตะไคร้ ขิง เป็นต้น ต้มโดยการใช้ไฟอ่อนๆ กลิ่นและรสของผักและผลไม้จะค่อยๆออกมา อีกทั้งสีของผักและผลไม้ก็ไม่เปลี่ยนอีกด้วย

การทำน้ำผักและผลไม้ในบางครั้งจะมีรสชาติเปรี้ยวหรือหวานต่างกันไป จึงจำเป็นต้องปรุงรสด้วยน้ำเชื่อมหรือเติมน้ำมะนาวและเกลือ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล

- อาหารสีรุ้ง เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

ก่อนที่เราจะแนะนำสูตรการทำเครื่องดื่มน้ำผักและผลไม้นั้น เรามาดูกันว่าผักและผลไม้แต่ละสีที่เราคุ้นเคยมีสารอาหารอะไรบ้าง
ได้แก่ สตรอเบอรี่ มะเขือเทศ ทับทิม แตงโม กระเจี๊ยบแดง หัวบีทรูท เชอร์รี่แดง ทับทิม มะเม่า เป็นต้น 

ผักและผลไม้สีแดง มีสารไลโคปีน (Iycopene) เป็นสารแคโรทีนอยด์ให้สีแดงแก่พืช เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ป้องกันการเปิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ เช่น เซลล์ผิวหนังทำให้ผิวสวย ช่วยลดไขมันตัวร้าย (LDL) ในกระแสเลือด

ผักและผลไม้สีเขียว
ด้แก่  ใบชะพลู ใบทองหลาง ผักคะน้า แตงกวาทั้งเปลือก ซูคินี ถั่วแขก ถั่วลันเตา อะโวคาโด ผักปวยเล้ง กะหล่ำปลี บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง ผักโขม  ผักกาดหอม กระเจี๊ยบเขียว ใบย่านาง ขึ้นฉ่าย กุยช่าย ต้นหอม เป็นต้น

ผักและผลไม้สีเขียว มีคลอโรฟิลล์มาก มีเบต้าแคโรทีนเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกัน DNA ถูกทำลาย เป็นสาเหตุทำให้เกิดเนื้อร้าย และยังช่วยขจัดฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนเกินอันเป็นสาเหตุของมะเร็งเต้านม  แร่ธาตุในผักสีเขียวยังมี แคลเซียม แมกนีเซียม และซีลีเนียม ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ร่างกายทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ผักและผลไม้สีเหลือง-สีส้ม
ได้แก่  มะละกอเหลือง แครอท ฟักทอง มะม่วงสุก แคนตาลูป  ลูกพลับ ทุเรียน ส้มทุกชนิด มันเทศ สับปะรด เสาวรส ขมิ้นชัน ข้าวโพด ขนุนสีจำปาและสีเหลืองจำปาดะ เป็นต้น

ผักและผลไม้สีส้ม-สีเหลือง มีฟลาโวนอยด์ และวิตามินซีสูง มีแคโรทีนอยด์ประเภทเบต้าแคโรทีนและแอลฟาแคโรทีน ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีประสิทธิภาพ ช่วยบำรุงสายตา และยังลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจก

ผักและผลไม้สีน้ำตาล-สีชา-สีขาว
ได้แก่  ลูกเดือย  หอมหัวใหญ่  กระเทียม ต้นกระเทียม กุยช่ายขาว เซเลอรี่ เห็ด หัวไชเท้า เป็นต้น

ผักและผลไม้สีน้ำตาล-สีขาว มีสารอาหารสำคัญหลายตัว เช่น สารกำมะถัน สารฟลาโวนอยด์ เป็นสารยับยั้งการเกิดเนื้องอก สารไอโซฟลาโวน มีฤทธิ์เป็นเอสโตรเจนอย่างอ่อนต้านมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก

ผักและผลไม้สีม่วง-สีน้ำเงิน-สีฟ้า
ได้แก่ ลูกหว้า ชมพู่ม่าเหมี่ยว ข้าวแดง กะหล่ำปลีม่วง ข้าวนิล ข้าวเหนียวดำ ถั่วแดงหลวง ถั่วดำ หอมแดง ดอกอัญชัน ลูกพรุน ลูกเกด บลูเบอร์รี่ น้ำว่านกาบหอย เผือก หอมใหญ่สีม่วง มันต่อเผือก มะเขือม่วง พริกสีม่วง ถั่วฝักยาวม่วง องุ่นม่วง ลูกไหน ลูกพรุน ลูกเกด บลูเบอร์รี่ เป็นต้น 

ผักและผลไม้สีม่วง-สีน้ำเงิน-สีฟ้า มีส่วนประกอบของสารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของดวงตา ชะลอการเสื่อมของเซลล์ ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองอุดตัน 


ในแต่ละวันเราควรรับประทานอาหารให้ได้ 5 กำมือแต่ก็อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน แต่ถ้าเราทำเป็นน้ำผักและผลไม้ก็จะทำให้เราบริโภคง่ายขึ้นและได้สารอาหารที่ครบถ้วนในปริมาณที่เพียงพอ

 



วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

- น้ำผักและผลไม้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ


น้ำผักและผลไม้นับว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพชั้นเยี่ยมที่เราไม่ต้องสรรหามาด้วยราคาแสนแพงเนื่องจากบ้านเราอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชผักผลไม้นานาชนิดที่มีสีสันและรสชาติที่หลากหลาย

น้ำผักและผลไม้ที่จะกล่าวต่อไปนี้ จะมีทั้งแบบคั้นเอาแต่น้ำ แบบน้ำที่เกิดจากการต้มผักและผลไม้เพื่อให้เกิดกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้น และแบบที่ปั่นรวมเอาเนื้อผักและผลไม้เข้าด้วยกัน

ในผักและผลไม้ล้วนแต่มีคุณค่าทางอาหารต่างๆกันไป มีทั้งวิตามิน เกลือแร่ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ  วิตามินอี ช่วยป้องกันสารก่อมะเร็ง หรือเรียกว่า ตัวแอนติออกซิแดนท์ นั่นเอง ส่วนเกลือแร่ที่อยู่ในผักและผลไม้ก็จะช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆของร่างกายสมบูรณ์ขึ้น เช่น โพแทสเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์ แมกนีเซียม แคลเซียม โซเดียม ซีลีเนียม และ แมงกานีส และยังมีักรดอะมิโน โปรตีนที่ถูกย่อยจนเล็กที่สุด ยังมีเอนไซม์ช่วยย่อย ช่วยสร้างเซลล์ มีคลอโรฟิลล์ที่ช่วยสร้างและรักษาเม็ดเลือดแดงอีกด้วย